ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา คาดว่าปี 2565 ราคาจะดีขึ้น - ข่าว
ความต้องการอาหารของโลกที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากการระบาดโรคโควิด-19 เริ่มบรรเทา ขณะที่สภาพภูมิอากาศ ที่เอื้ออำนวย ให้ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญเพิ่มขึ้น เป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจการเกษตรหรือจีดีพีเกษตร ในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2 – 3%
ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญในปี 2565 ในส่วนของข้าว ทางกระทรวงเกษตรสหรัฐคาดว่าในฤดูกาลผลิต ปี 2564/65 ข้าวของโลกจะมีประมาณ 511 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 0.87%โดยเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค
ขณะที่การค้าข้าวของโลกจะมีประมาณ 48.67 ล้านตันข้าวสาร ลดลง 1.37% ประเทศที่คาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นเช่นออสเตรเลีย บราซิล เมียนมา ไทย ปากีสถานและเวียดนาม ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกได้ลดลง เช่น กัมพูชา อินเดีย จีน และสหรัฐ
ด้านประเทศที่คาดว่าจะนำเข้ามากขึ้น เช่น ไอวอรี่โคสต์ สหภาพยุโรป(อียู) สหรัฐ อิหร่าน โมซัมบิก และเนปาล ส่วนประเทศที่จะนำเข้าลดลง เช่น บังคลาเทศ บราซิล ซาอุดิอาระเบีย แอฟริกาใต้ ฟิลิปปินส์ และเซเนกัล โดยในช่วงปลายปี 2564 มีสต็อกข้าวโลกอยู่ 187.94 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้น 0.24%
สำหรับผลผลิตของไทยคาดว่าในปี 2565
มีเนื้อที่รวม70 ล้านไร่ จะมีปริมาณรวม32 ล้านตัน ข้าวเปลือก แยกเป็น
ข้าวนาปี เนื้อที่ 62.60 ล้านไร่ ผลผลิต 26 ล้านตัน
นาปรังเนื้อที่ 10.6 ล้านไร่ ผลผลิต 6 ล้านตัน
ข้าวเปลือก ในจำนวนนี้คาดว่าจะบริโภคภายในประเทศ ประมาณ 17.69 ล้านตัน ข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 3.51% เนื่องจากความต้องการบริโภคและการแปรรูปอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นส่วนการส่งออกคาดว่าจะมีปริมาณ 6.5 - 7 ล้านตัน ข้าวสาร มูลค่า 1.2-1.29 แสนล้านบาท
“แม้สินค้าสำคัญอย่างข้าวจะดูสดใสในปี 2565 แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยง ด้านโลจิสติกส์ที่การไหลเวียนของตู้สินค้ายังไม่ปกติและค่าระวางเรือยังสูงอยู่ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ การระบาดของโรค”
ส่วน มันสำปะหลัง คาดว่าไทยจะมีเนื้อที่ 9.66 ล้านไร่ผลผลิต รวม 32.50 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.71% จากการใช้ท่อนพันธุ์ที่ดี ในราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรดับที่ 2.33 บาทต่อ กิโลกรัม (กก.)ผลผลิตส่วนใหญ่จะนำไปแปรรูปเป็นมันเส้น,มันอัดเม็ด,แป้งมันสำปะหลังและเอทานอล ซึ่งมีความต้องการมากขึ้น
ข้าว-มันสำปะหลัง-ยาง ราคาเด่น ปัจจัยเศรษฐกิจโลก หนุนส่งออก
คาดว่าจะเป็นผลให้ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากปี2564 ที่ส่งออกได้ 9.44 ล้านตันมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท ตลาดที่สำคัญส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย แยกตามประเภทคือ มันเส้น ส่งออกจีน มันอัดเม็ดส่งออกญี่ปุ่น สหรัฐ เนเธอร์แลนด์ แป้งมันสำปะหลัง ส่งในจีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น แป้งมันสำปะหลัง ในญี่ปุ่น จีน และอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 คาดว่าไทยยังต้องนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์บางส่วน จาก กัมพูชา และสปป.ลาว เนื่องจากผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอกับความต้องการส่วนใหญ่นำมาแปรรูปแล้วส่งออก
ยางพารา คาดว่าผลผลิตโลกจะมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564ที่ผลิตได้รวม 23.38 ล้านตันจากกลุ่มผู้ผลิตยางใหม่ คือกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ขยายพื้นที่ปลูกในปี 2553-55 ซึ่งเริ่มโตและเปิดหน้ากรีดได้แล้ว อีกทั้งหลายพื้นที่อายุยางอยู่ในช่วงเริ่มให้ผลผลิตสูง
ในขณะที่คาดว่าความต้องการใช้ยางพาราของโลกจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันจากโควิดเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงกรณีการขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์ และความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐที่อาจจะส่งผลความต้องการใช้ยางของโลกชะลอตัวลง
จากสถานการณ์ผลผลิตการเกษตรปี2565 ที่มีสัญญาณดีน่าจะเป็นอีกแรงพยุงทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งในภาพรวมและระดับครัวเรือนเกษตรกรให้ผ่านความยากลำบากจากอาการบาดเจ็บเพราะพิษโควิดที่ผ่านมาได้
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ